ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้ด้วย จริง ๆ ไม่ว่าจะชอบเตียงหรือฐานรองแบบไหน ก็สามารถเลือกได้ตามที่ชอบเลย
แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จะเลือกแบบไหน หรือยังไม่รู้ว่าแบบไหนคือเตียงหรือฐานรองที่ดี
ที่นอนเอกลักษณ์ ขอแนะแนวทางในการเลือกเตียงที่ดีมาใช้คู่กับที่นอน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
การเลือกเตียงหรือฐานรองเตียงนั้นไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่ใจ ความรู้สึก และความชอบเท่านั้น ถือว่าง่ายกว่าเลือกซื้อที่นอนเยอะมากๆ
ให้ความสำคัญให้เวลาในการเลือกซักนิด รับรองว่า จะได้ของที่คุ้มค่าตามคุณภาพการใช้งานจริง ๆ อย่างแน่นอน
ก่อนอื่น เราต้องมาทำความเข้าใจ กับความเชื่อที่ว่า
“ ถ้าซื้อที่นอนยี่ห้อไหนแล้ว ถ้าใช้เตียงยี่ห้อนั้น ๆ ด้วย ที่นอนจะใช้งานยาวนานได้มากขึ้น
และที่สำคัญ ... จะช่วยเพื่มอายุการใช้ง่านของที่นอนได้ถึง 5-10 ปีเลยที่เดียววว “
บอกเลยว่าในการขายจริงนั้น การจะขายที่นอนโดยวางลงไปเลยเฉยๆ ความสวย ในการโชว์ และการ Test นอนของลูกค้า จะยากและลำบาก
เลยทำให้บริษัทต่างๆทำเตียงในยี่ห้อนั้น ๆ มาเพื่อตั้งโชว์ที่นอน โดยเตียงจะถูกออกแบบรูปลักษณ์มาให้เข้ากับการออกแบบของที่นอน
เพื่อเป็นแรงดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาลองTest ที่นอนตัวนั้นๆ ซึ่งพอพี่ลูกค้าTestแล้วชอบที่นอนตัวนั้นและพอดีชอบเตียงด้วย ก็จะมีการขายคู่กันไป
แต่ไม่เกี่ยวว่า ที่นอนจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นหากใช้เตียงยี่ห้อเดียวกัน
ที่นอนจะใช้ได้นานหรือไม่นาน ขึ้นอยู่กับการดูแลและวิธีการใช้ แต่แน่นอนว่าการเลือกเตียงหรือฐานรองที่ถูกต้องที่เป็นเหตุผลที่สำคัญเช่นกัน
ในการเลือกซื้อเตียงหรือฐานริง อยากให้ทุกคนคำนึงถึงประเภทที่นอนก่อน เพื่อให้ได้เตียงและฐานรองตามที่ต้องการ และสวยงามอย่างแน่นอน
รวมถึงจะไม่เจอเคสที่ว่าหัวเตียงเหลือน้อยเกินไป หรือเคสที่หัวเตียงสูงเกินความจำเป็น
เตียงและฐานรอง จะแบ่งออกเป็นหลัก ๆ ได้ 3 ประเภท
1 เตียงแบบ พื้นไม้ระแนง หรือกระดูกงู
2 ฐานรองแบบสปริง
3 ฐานรองแบบพื้นไม่เต็ม
1 เตียงแบบ พื้นไม้ระแนง หรือกระดูกงู
ในเตียงทุกประเภท เตียงแบบนี้ถือว่าอ่อนแอที่สุด เนื่องจากไม้ระแนง ความทนทานจะน้อยมาก และที่สำคัญ การใช้เตียงแบบนี้จะทำให้ที่นอนนุ่มขึ้นจากเดิมเยอะมาก และพอใช้ไปนานๆ ตัวไม้ที่เป็นซีก ๆ จะมีราขึ้นทำให้อาจจะส่งผลถึงที่นอน ทำให้ยวบและยุบได้ รวมถึง เวลาใช้ไปนาน ๆ ที่นอนด้านล่างนั้นจะเป็นรูปรอยไม้และเป็นคราบดำที่เกิดจากฝุ่นขังใต้เตียงอีกด้วย
จะใช้ได้กับที่นอนยางพาราสังเคราะห์ หรือที่นอนที่เป็นยางพาราเท่านั้น
ถ้าวางที่นอนที่เป็นแบบสปริงแยกอิสระนั้น ที่นอนจะมีปัญหาแน่นอน เนื่องจากที่นอนสปริงแยกอิสระ คือสปริงที่ห่อด้วยถุงผ้าและนำมาเรียงติดกัน ระหว่างตัวสปริงก็จะมีเชื่อมด้วยกาว ซึ่งข้อดีของที่นอน สปริงแยกอิสระคือเวลานอนลงไปแล้วตัวสปริงที่มีแรงกดทับในตัวไหน ลูกสปริงตัวนั้น ๆ ก็จะเกิดแรงกดทับ ทำให้เวลานอนลงไปแล้วจะไม่ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในบริเวณอื่น
ดังนั้นพอฐานเตียงเป็นตัวโครงสร้างกระดูกงูนั้น จะมีร่องตรงกลางระหว่างแผ่นไม้ จึงมีปัญหาเกิดขึ้นบ่อย ๆ คือ สปริงที่เค้าเรียกว่า pocket spring นั้น ลูกสปริงจะตกร่องระหว่างไม้ พอมีแรงกดจากการนอนลูกสปริงก็จะปลิ้นลงในส่วนของช่องระหว่างไม้ระแนง ทำให้เวลานอนลงไปแล้วที่นอนจะนุ่มและยวบลงอย่างมาก และที่สำคัญที่นอนจะเป็นคลื่น ๆเพราะสปริงเสียรูป จากการที่ลูกสปริงตกร่องของช่องว่างระหว่างไม้
กรณีนี้ที่นอนไม่ได้เสียเพราะเกิดจากการใช้งาน แต่เกิดจากเตียง ดังนั้นโรงงานและบริษัทแม่ทุกยี่ห้อ จะไม่รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น
*ฐานรองแบบนี้ถ้าเป็นไปได้ไม่แนะนำอย่างยิ่ง
2 ฐานรองแบบสปริง
ฐานรองแบบนี้เป็นฐานรองที่ได้อิทธิพลจากทางต่างประเทศ ซึ่งตัวโครงสร้างสปริงนั้นจะแตกต่างจากที่สปริงที่นอน คือจะมีความแข็งและเส้นใหญ่กว่าสปริงที่นอนอยู่ 3-4 เท่า
เมื่อสมัย 10-15 ปีที่แล้ว ถือว่านิยมกันมาก เนื่องจากรูปทรงที่ดูแปลกตาทันสมัย และพึ่งเข้ามาในตลาด เลยได้รับความนิยมอยู่ช่วงหนึ่ง ฐานรองแบบนี้ ถือว่าดีกว่าฐานที่เป็นแบบโครงสร้างกระดูกงูมาก แต่ เนื่องจากพื้นเตียงที่สัมผัสกับที่นอน ไม่เรียบเนียนทั้งพื้นผิว ทำให้เวลานอนลงไปแล้วนั้น คุณภาพที่นอนและฟีลที่นอนจะเหมือนเดิม แต่ก็มียืดหยุ่นอยู่บ้างเพราะฐานรองเป็นตัวสปริง
ฐานรองแบบนี้ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 3 ส่วน และฐานจะแบ่งเป็น 2 ชิ้น คือโดยส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น ซ้ายกับ ขวา และก็หัวเตียง โดยหลัก ๆ แล้ว ฐานรองสปริงที่ดี ต้องหุ้มด้วยผ้า เพราะถ้าเป็นหนัง เมื่อฐานรองสปริงมีการยืดหยุ่นตลอดเวลานอน จะทำให้หนังจะเปื่อยและแตก ดังนั้น ฐานรองสปริงที่หุ้มผ้า การใช้งานจะดีกว่า ฐานรองที่เป็นสปริงหุ้มหนัง
ฐานรองแบบนี้ มีข้อจำกัด คือเวลานอนลงไปแล้ว ฟีลที่นอนจะนุ่มขึ้น และในระยะยาว เมื่อสปริงฐานรองเริ่มเสื่อม ฐาน2ข้างไม่ท่ากัน ปัญหาที่เห็นได้ชัด คือเสียงกระทบกันของตัวฐานรอง เนื่องจากฐานทางซ้ายและขวามีความยืดหยุ่นไม่เท่ากัน
3 ฐานรองแบบพื้นไม้เต็ม
ฐานเตียงแบบนี้จะไม่มีความยืดหยุ่นเหมือนเตียง 2 แบบแรก แต่จะเป็นเบสแข็งๆ แน่นอนว่าสามารถใช้ได้กับที่นอนที่ประเภท ฟีลที่นอนก็จะเหมือนเดิมทุกประการ ที่สำคัญฐานเตียงแบบนี้จะมีความนิ่งความเสถียรอย่างมาก แทบไม่มีปัญหาใดๆ เป็นแบบเตียงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ณ ตอนนี้
*ถ้าเป็นไปได้เลือกแบบเตียงแบบนี้ดีที่สุด