การดูแลรักษาที่นอน

Mattress Care & Maintenance

ก่อนอื่นควรพิจารณารูปแบบของที่นอน เนื่องจากที่นอนปัจจุบันมี 3 แบบหลัก ได้แก่

  1. ที่นอนใช้งานได้ 2 ด้าน โดยทั้ง 2 ด้านเหมือนกัน

  2. ที่นอนใช้งานด้านเดียว

  3. ที่นอน 2 ด้าน แต่ทั้งสองด้านมีคุณสมบัติต่างกัน เช่น ด้านบนนุ่ม ด้านล่างแน่น

สำหรับการ พลิกกลับด้านที่นอน สามารถทำได้เฉพาะแบบแรกเท่านั้น ส่วนแบบที่สองไม่สามารถพลิกกลับได้ และแบบที่สามสามารถพลิกกลับได้ตามความชอบของผู้ใช้ เพราะแต่ละด้านถูกออกแบบให้มีคุณสมบัติต่างกัน

การพลิกกลับด้านช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่หากที่นอนเกิดปัญหา เช่น ยุบหรือยวบ การพลิกกลับด้านจะไม่แก้ปัญหา เพราะตำแหน่งยุบหรือยวบจะยังอยู่เหมือนเดิม

ในกรณีที่เกิดปัญหา ผู้ใช้สามารถแจ้งเคลมกับบริษัทหรือตัวแทนจำหน่ายได้ หากยังอยู่ในระยะเวลารับประกัน บริษัทจะตรวจสอบและแก้ไขให้ โดยระยะเวลาในการดำเนินการขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท

 


 

  
วิธีนี้จำเป็นกับทุกรุ่นและทุกแบรนด์ เพราะไม่เพียงช่วยให้อากาศในที่นอนถ่ายเทได้ดี แต่ยังช่วยลดเสียงรบกวนขณะนอน อีกทั้งเรื่องผิวสัมผัสของที่นอนก็สำคัญ หากยังมีพลาสติกหุ้มอยู่ การยืดหยุ่นของที่นอนและความนุ่มของผิวหน้าจะลดลงถึง 50–60% ทำให้ไม่สบายตัว รู้สึกร้อนและมีเหงื่อออกเมื่อนอนเป็นเวลานาน
 
 

  
 
 
ผ้ารองกันเปื้อน คือผ้าที่ใช้คลุมที่นอนก่อนใส่ผ้าปู สามารถถอดซักได้ ช่วยป้องกันที่นอนจากฝุ่น คราบเหงื่อ หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ และช่วยยืดอายุผ้าหุ้มที่นอนไม่ให้เปื่อยหรือขาด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไรฝุ่น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีภูมิแพ้ การใช้ผ้ารองกันเปื้อนร่วมกับการทำความสะอาดผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่มอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ที่นอนสะอาด ปลอดภัย และนอนสบาย แม้ที่นอนจะมีคุณภาพดีเพียงใด หากไม่ดูแลก็สามารถเป็นแหล่งสะสมไรฝุ่นและเชื้อโรคได้
 
 


 
  
ทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและผ้ารองกันเปื้อน ก็ถือว่าเป็นการ ผึ่งที่นอน ไปด้วยโดยอัตโนมัติ เพียงแต่สามารถเว้นระยะก่อนปูผ้าผืนใหม่ให้นานขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้อากาศถ่ายเทและลดความชื้นในที่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความชื้นในห้อง หากห้องชื้นหรือมีน้ำหกบนที่นอน ควรทำทุกสัปดาห์เพื่อให้ที่นอนสะอาด ปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ และนอนสบายมากที่สุด
 
 




 
ข้อแนะนำนี้ใช้ได้กับบางรุ่นและบางแบรนด์เท่านั้น โดยเฉพาะที่นอนที่มีส่วนผสมของ ยางพารา หรือ Memory Foam เพราะการปล่อยให้ที่นอนโดนแดดแรงโดยตรงเป็นเวลานานเกิน 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง อาจทำให้วัสดุเหล่านี้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น โดยเฉพาะที่นอนยางพาราหรือ Memory Foam ทั้งก้อน ซึ่งต่างจากกรณีที่ห้องมีอุณหภูมิสูงปกติ
 
 
 
 
หากที่นอนมีรอยเปื้อน ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำสบู่ขัดเบา ๆ แล้วปล่อยให้แห้งสนิทก่อนปูผ้าปูที่นอน วิธีนี้ช่วยให้รอยคราบจางลง แต่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ 100% ดังนั้นการ ป้องกันการเปื้อนตั้งแต่ต้น จึงสำคัญที่สุด โดยการใช้ ผ้ารองกันเปื้อน เป็นวิธีที่ดีที่สุด
 
 


 
  
สำหรับที่นอนและฐานรองทุกรุ่นทุกแบรนด์ จำเป็นต้องตรวจสอบให้ฐานรองหรือเตียง สมดุลและแข็งแรงอยู่เสมอ เพราะฐานรองส่งผลโดยตรงต่อที่นอน หากพื้นล่างยวบหรือไม่เสมอกัน จะทำให้ที่นอนยวบตามและอาจก่อให้เกิดอาการปวดหลังได้ ดังนั้น การเลือกฐานรองหรือเตียงที่เหมาะสมจึงสำคัญไม่แพ้การเลือกที่นอน
 
 

 
 

เรื่องนี้สำคัญสำหรับที่นอนทุกรุ่นทุกแบรนด์ โดยทั่วไปสปริงของที่นอนมีความหนาประมาณ 0.9–2.4 มิลลิเมตร และทำงานร่วมกันเป็นระบบ จึงไม่สามารถรับน้ำหนักจากจุดเดียวเพียงไม่กี่สปริงได้ การยืนหรือกระโดดบนที่นอนจะทำให้สปริงเพียง 2–6 ตัวต้องรับแรงกดทับสูง อาจทำให้สปริงล้ม หัก หรือเสียประสิทธิภาพ ส่งผลให้ที่นอนยวบได้

ดังนั้น ไม่ควรยืน เหยียบ หรือกระโดดบนที่นอน สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้เลือกที่นอน ยางพารา หรือยางพาราสังเคราะห์ ซึ่งจะไม่เด้ง รวมถึงเวลาใช้งาน 2 คนจะไม่สะเทือนถึงกัน และปัญหาสปริงล้มหรือหักก็จะไม่เกิดขึ้นอีกด้วย

 
 

 
 
 
ที่นอนสามารถ พับงอได้ แต่ระดับการพับขึ้นอยู่กับประเภทและรุ่นของที่นอน ที่นอนที่ไม่ใช่สปริงมักพับได้มากกว่าที่นอนสปริง บางรุ่นมีข้อต่อพิเศษสำหรับพับ ส่วนที่นอนสปริงรุ่นใหม่สามารถพับงอได้ระดับหนึ่ง (บางครั้งถึงรูปตัว U) แต่ควรทำภายในระยะเวลาสั้น ๆ และควรให้ผู้ชำนาญเป็นผู้จัดการเพื่อป้องกันสปริงหรือโครงสร้างเสียหาย ทั้งนี้ควรตรวจสอบ ข้อกำหนดของแต่ละรุ่น ว่าสามารถพับงอได้หรือไม่ เพื่อให้ใช้งานอย่างปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของที่นอน
 
 

 
 
  
ที่นอนแต่ละรุ่นสามารถวางบน พื้นผิวเรียบและแข็งแรง ได้ ไม่จำเป็นต้องวางบนเตียงหรือฐานรองเสมอไป แม้ว่าจะวางบนพื้นก็ทำได้ แต่ควรระวัง การเหยียบขึ้นที่นอน เพราะเป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับการกระโดดบนที่นอน ซึ่งสปริงไม่กี่ลูกรับน้ำหนักทั้งหมดจากจุดเดียว อาจทำให้สปริงเสียรูปได้ ต่างจากการขึ้นนอนเวลาวางที่นอนบนเตียง จะใช้เวลาการนั่งข้างเตียงในการขึ้นที่นอนซึ่งน้ำหนักจะกระจายมากขึ้น
โดยการวางบน เตียงพื้นไม้เต็ม จะให้ความรู้สึกนิ่งและเสถียรที่สุด ส่วนการวางบน ไม้ระแนงหรือฐานรองสปริง จะทำให้ที่นอนมีความยืดหยุ่น ฟีลอาจเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดังนั้นการเลือกรูปแบบเตียงหรือฐานรองยังคงสำคัญและไม่ควรมองข้าม
 

  

มาตรฐานทั่วไปของที่นอนมักมี อายุการใช้งาน 5–10 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลและการใช้ที่นอนอย่างถูกต้อง แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อมี ระยะเวลารับประกันแตกต่างกัน ตั้งแต่ 10 ปี จนถึง 20 ปี ซึ่งไม่ได้หมายความว่าที่นอนจะใช้งานได้ยาวนานเท่าระยะประกันจริง จากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมพบว่า อายุการใช้งานที่คุ้มค่าจริงๆ อยู่ประมาณ 70–80% ของระยะเวลารับประกัน สาเหตุส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการเสื่อมของที่นอน แต่เกิดจาก การเปลี่ยนแปลงของร่างกายผู้นอนตามอายุ ทำให้ความรู้สึกสบาย ความชอบ และสุขภาพจึงทำให้เหมาะกับที่นอนในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป

 

 

 

 

 

Visitors: 746,051